Knowledge Basics

12 กลยุทธ์การเทรด Forex ที่ไม่ควรพลาดในปี 2024 ที่มือใหม่ต้องศึกษา

การเทรดตลาดเงินตราต่างประเทศ หรือ Forex นักเทรดหลาย ๆ ท่านนิยมใช้กลยุทธ์การเทรดหลายแบบเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ตลาดและการตัดสินใจในการซื้อขาย การเทรดทางเทคนิคไม่ได้รับรองว่าจะสามารถทำกำไรได้ทุกครั้ง แต่มันสามารถช่วยให้นักลงทุนมีความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับตลาดและช่วยในการตัดสินใจที่มีเหตุผลมากขึ้น 

สำหรับบทความนี้ STARTRADER รวม 12 กลยุทธ์การเทรด Forex ที่เป็นที่นิยมในกลุ่มนักเทรดมาให้ทุกท่านได้ศึกษา เพื่อปูทางความสำเร็จของท่านให้ง่ายยิ่งขึ้นในปี 2024 นี้

1.Trend Trading การซื้อหรือขายตามทิศทางของตลาดที่เป็นแนวโน้ม

เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ให้ความสำคัญกับการรับมือกับแนวโน้มหรือการเคลื่อนไหวของตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในทิศทางเฉพาะ นักเทรดใช้กลยุทธ์นี้โดยการศึกษาแนวโน้มที่แน่นอนและการทำธุรกรรมตามทิศทางนั้นๆ 

การทำงานของ Trend Trading

– การเทรดแบบตามแนวโน้มเริ่มต้นด้วยการระบุแนวโน้มที่ชัดเจน โดยใช้เครื่องมือการวิเคราะห์เช่น แผนภาพแท่งเทียน หรือตัวชี้วัดทางเทคนิค เพื่อูแนวโน้มของตลาดว่าเป็นแนวโน้มขึ้น (Uptrend) หรือแนวโน้มลง (Downtrend)

-เมื่อระบุแนวโน้มได้ นักเทรดจะทำการซื้อหรือขายตามทิศทางของแนวโน้มนั้นๆ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

-กำหนดระดับการหยุดขาดทุนและการจัดการขนาดตำแหน่งเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

ข้อดีของการเทรดแบบตามแนวโน้ม

-มีแนวโน้มที่ชัดเจน นักเทรดสามารถมองเห็นโอกาสทำกำไรในระยะยาว

-โดยทั่วไปแล้วการเทรดตามแนวโน้มมักจะมีโอกาสทำกำไรมากกว่าการเทรดในระยะสั้นๆ

ข้อเสียของการเทรดแบบตามแนวโน้ม

-แม้แนวโน้มจะเป็นอย่างชัดเจน แต่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นที่ไม่คาดคิดทำให้ตลาดเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว

-หากนักเทรดไม่สามารถระบุแนวโน้มอย่างถูกต้อง อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียทุนในระยะยาว

2.Range Trading การซื้อขายในช่วงราคาที่มีการเคลื่อนไหวน้อย ๆ ระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุด

 

กลยุทธ์การซื้อขายที่นักลงทุนทำการซื้อในราคาต่ำและขายในราคาสูงขณะที่ตลาดอยู่ในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุด การซื้อขายสามารถทำได้หลายครั้งในช่วงราคานั้นๆ เพื่อกำไรจากความแตกต่างของราคาในช่วงนั้น

การทำงานของ Range Trading

-ต้องระบุช่วงราคาที่มีการเคลื่อนไหวน้อยระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุด โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเช่น แผนภาพแท่งเทียนหรือตัวชี้วัดเพื่อระบุแนวของราคา

-ทำการซื้อที่ราคาต่ำและขายที่ราคาสูงในช่วงราคานั้น ๆ โดยใช้การวิเคราะห์เทคนิคเพื่อระบุจุดเข้าและออกตำแหน่งการเทรด

ข้อดีของ Range Trading

-มีโอกาสทำกำไรในช่วงราคาที่เฉพาะเจาะจง

-เนื่องจากการซื้อขายในช่วงราคาที่มีการเคลื่อนไหวน้อย ๆ นักเทรดมักจะได้รับกำไรที่มีความคงที่

ข้อเสียของ Range Trading

-ตลาดอาจเคลื่อนไหวนอกจากช่วงราคาที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือหาช่วงราคาใหม่

3.Breakout Trading การซื้อหรือขายเมื่อราคาพุ่งขึ้นหรือตกลงมาพร้อมกับการบางครั้งที่เกิดการแตกขอบเขตของราคา

เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการเข้าทำการซื้อหรือขายเมื่อราคาของสินทรัพย์ได้พุ่งขึ้นหรือตกลงมา พร้อมกับการเกิดการแตกขอบเขตของราคาที่ระดับที่สำคัญ เป็นที่นิยมในการวางกลยุทธ์ที่อาจมีโอกาสทำกำไรสูงเมื่อมีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างแรง 

หลักการทำงานของ Breakout Trading

-นักเทรดจะต้องรอให้ราคาข้ามขอบเขตที่สำคัญ ซึ่งอาจเป็นเส้น Resistance (ค่าที่สูงสุดที่ราคาเคยทำการเคลื่อนไหวและหันกลับลง) หรือ Support (ค่าที่ต่ำที่สุดที่ราคาเคยทำการเคลื่อนไหวและหันกลับขึ้น) และทำการซื้อหรือขายตามทิศทางของการแตกขอบเขตนั้นๆ

-เมื่อราคาข้ามขอบเขตที่สำคัญ นักเทรดจะทำการซื้อหรือขายตามทิศทางของการแตกขอบเขตนั้นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการแตกขอบเขตนั้นเป็นการเคลื่อนไหวที่แรงและน่าเชื่อถือ

ข้อดีของ Breakout Trading

-เมื่อมีการแตกขอบเขตเกิดขึ้น มักจะมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว นักลงทุนมักสามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาที่สั้นๆ

-Breakout Trading ช่วยให้นักลงทุนมองเห็นแนวโน้มการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งช่วยในการตัดสินใจในการซื้อขายที่ง่ายขึ้น 

ข้อเสียของ Breakout Trading

-มีความเสี่ยงที่การเข้าและออกจากตลาดจะเกิดที่ราคาที่สูงกว่า ซึ่งอาจทำให้ลดความคงที่ของการทำกำไร

4.Swing Trading การถือตำแหน่งในระยะเวลายาวนานขึ้นเพื่อกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะยาว

เป็นกลยุทธ์การซื้อขายในตลาดทางการเงินที่นักลงทุนจะถือครองตำแหน่งในระยะเวลายาวนานกว่าแนวโน้มของตลาดที่เปลี่ยนแปลงในช่วงสั้นๆ

หลักการทำงานของ Swing Trading

-ระบุแนวโน้มของตลาด โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น แผนภาพแท่งเทียนหรือตัวชี้วัด เพื่อพยายามจับแนวโน้มที่ยาวนานของตลาด

-ทำการเปิดตำแหน่งการซื้อหรือขายเมื่อพบโอกาสที่ดีในการทำกำไรในระยะเวลายาว และปิดตำแหน่งเมื่อตลาดมีการเคลื่อนไหวตรงกับทิศทางที่ได้ทำการวิเคราะห์ไว้

ข้อดีของ Swing Trading

-Swing Trading เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่สามารถติดตามตลาดในทุกๆ ช่วงเวลาและต้องการระยะเวลาที่ยาวนานในการถือตำแหน่ง

-นักลงทุนมีโอกาสทำกำไรมากขึ้นเมื่อถือตำแหน่งในระยะเวลายาว 

ข้อเสียของ Swing Trading

-เสี่ยงที่ตลาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือสูญเสียทุน

-การถือตำแหน่งในระยะเวลายาวอาจทำให้เงินทุนถูกกักตัวในตลาดเป็นเวลานานโดยที่ไม่มีการทำกำไร

5.Scalping การทำกำไรจากการซื้อขายที่รวดเร็วในระยะเวลาสั้น ๆ โดยจุดมุ่งหมายคือกำไรจากความแตกต่างในราคาขนาดเล็ก

กลยุทธ์การซื้อขายที่เน้นการทำกำไรจากการเข้า-ออกตลาดอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้น ๆ โดยทั่วไปจะถือตำแหน่งเพียงเพื่อกำไรจากความแตกต่างของราคาในช่วงเวลาสั้น ๆ

หลักการทำงานของ Scalping

-นักเทรด Scalping จะทำการซื้อขายบ่อยครั้งในระยะเวลาสั้น ๆ เน้นทำกำไรจากการซื้อขายที่มีความแตกต่างขนาดเล็ก

-อาศัยการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น กราฟแท่งเทียน และตัวชี้วัดทางเทคนิค เพื่อระบุจุดเข้าและออกตลาดที่เหมาะสม

ข้อดีของ Scalping

-การซื้อขายที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะเวลาสั้น ๆ ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้รวดเร็ว

-Scalping สามารถทำการซื้อขายในตลาดที่มีความเคลื่อนไหวขนาดเล็กได้ง่าย และสามารถทำกำไรจากความแตกต่างขนาดเล็กของราคา

ข้อเสียของ Scalping

-การทำการเทรดบ่อยครั้งอาจมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่มากขึ้น 

-ตลาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุน Scalping ต้องรีบตัดสินใจและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว

6.Day Trading การเปิดและปิดตำแหน่งในวันเดียวเพื่อกำไรจากความแตกต่างในราคาในเวลาสั้น ๆ

กลยุทธ์การซื้อขายที่ผู้เทรดทำการซื้อและขายสินทรัพย์ในตลาดภายในช่วงเวลาเดียวกัน 

หลักการทำงานของ Day Trading

-นักลงทุนที่ทำ Day Trading มักใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น กราฟแท่งเทียน, Moving Averages, RSI เป็นต้น เพื่อตรวจสอบแนวโน้มและจุดเข้า-ออกตลาดที่เหมาะสม

-เทรดเดอร์จะทำการซื้อขายบ่อยในระยะเวลาเดียวกัน โดยมุ่งเน้นทำกำไรจากความแตกต่างของราคาในช่วงเวลาสั้นๆ

ข้อดีของ Day Trading

-มีโอกาสทำกำไรได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องถือตำแหน่งในตลาดในระยะเวลานาน

-การซื้อขายบ่อยครั้งสามารถช่วยให้นักลงทุนมือใหม่เรียนรู้และพัฒนากลยุทธ์ได้เร็วขึ้น

-เทรดเดอร์สามารถปรับกลยุทธ์หรือออกจากตลาดได้ภายในเวลาสั้นๆ ทำให้เกิดความยืดหยุ่น

ข้อเสียของ Day Trading

-มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่มากขึ้น

-การติดตามตลาดตลอดเวลาอาจทำให้มีความเครียดและต้องใช้เวลาเป็นมาก

7.Position trading การเทรดแบบถือสถานะเทรดเป็นเวลานาน อาจยาวในระดับเดือนหรือถึงปี

เน้นการศึกษาแนวโน้มระยะยาวและการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะยาว 

หลักการทำงานของ Position Trading

-Position Trading จะเน้นที่การถือตำแหน่งในตลาดนานๆ เพื่อกำไรจากแนวโน้มราคาที่เปลี่ยนแปลงในระยะยาว

-ต้องศึกษาแนวโน้มราคาในยาวนานรวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อตลาดในระยะยาว

ข้อดีของ Position Trading

-เทรดเดอร์สามารถทำกิจกรรมอื่นได้พร้อมกับการเทรด

-จุดเข้า-ออกตลาดที่น้อย เน้นกำไรจากแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงในระยะยาว

ข้อเสียของ Position Trading

-การถือตำแหน่งในตลาดนานอาจทำให้เกิดความเครียดเมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลงและส่งผลต่อตำแหน่งของคุณ

8. Fibonacci Retracement เครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยระบุระดับการกลับตัวของราคา

การวิเคราะห์กราฟราคาในตลาดการเงิน โดยใช้ระดับเส้นทางของ Fibonacci ช่วยในการระบุแนวต้านและแนวรับของราคา 

หลักการทำงานของ Fibonacci Retracement

-เส้น Fibonacci Retracement จะใช้ระดับสัดส่วนเฉพาะของ Fibonacci (เช่น 0%, 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8%, 100%) เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่เป็นไปได้ของราคา

-เทรดเดอร์สามารถใช้ Fibonacci Retracement เพื่อระบุระดับที่ราคามีแนวโน้มในการแก้ไข หรือการถอนกลับ ซึ่งมักจะเป็นระดับที่เป็นที่น่าสนใจสำหรับการเข้าซื้อหรือขาย

ข้อดีของ Fibonacci Retracement

-ช่วยในการระบุระดับที่ราคามีแนวโน้มที่จะถอนกลับหรือพับตัวเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในตลาด

-เครื่องมือทางเทคนิคนี้ใช้ค่าทางคณิตศาสตร์ที่สามารถใช้ในการวาดเส้นได้อย่างง่ายดาย

ข้อเสียของ Fibonacci Retracement

-การใช้ Fibonacci Retracement อาจต้องใช้ประสบการณ์และการศึกษาเพิ่มเติมในการระบุระดับที่แม่นย่ำ

9.Hedging การป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในอนาคต

กลยุทธ์ทางการเงินที่ใช้เพื่อลดความเสี่ยงของการลงทุนโดยการทำการซื้อขายที่สามารถป้องกันตัวจากความเสี่ยงที่เป็นไปได้

หลักการทำงานของ Hedging

-เป็นการทำการซื้อขายที่สามารถลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหรือสภาวะตลาดที่ไม่คาดคิด

-สามารถใช้ได้กับเครื่องมือการเงิน เช่น การซื้อหรือขายอนุพันธ์ (derivatives) และ อนุพันธ์ทางการเงินอื่น ๆ

ข้อดีของ Hedging

-ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของราคา

-ช่วยให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนโดยลดความกังวลจากความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลง

ข้อเสียของ Hedging

-การ Hedging อาจจะไม่ได้ผลต่อความเสี่ยงทั้งหมด

10.Price Action Trading การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลการเคลื่อนไหวของราคาและแผนภาพเทียนเทียนในการตัดสินใจ

กลยุทธ์การซื้อขายในตลาดทางการเงินที่ใช้การเคลื่อนไหวของราคาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจการซื้อหรือขาย 

หลักการทำงานของ Price Action Trading

-ใช้กราฟราคาและแท่งเทียนเพื่อระบุแนวโน้มของราคา 

-ต้องใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาด เช่น แนวรับและแนวต้าน แนวโน้มราคา เป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์ Price Action

ข้อดีของ Price Action Trading

-Price Action ช่วยในการดูและติดตามแนวโน้มของตลาด ทำให้ผู้ซื้อขายมีความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของตลาดมากขึ้น

ข้อเสียของ Price Action Trading

-การวิเคราะห์ Price Action อาจต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการอ่านและตีความหมาย

11.Technical Analysis Strategies การวิเคราะห์แผนภาพและตัวชี้วัดเทคนิคเพื่อทำนายแนวโน้มของตลาด

เป็นวิธีการวิเคราะห์ตลาดการเงินโดยใช้ข้อมูลทางเทคนิคเพื่อทำนายแนวโน้มของราคาในอนาคต โดยทั้งหมดนี้จะเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขาย รวมถึงการใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่าง ๆ เช่น

-แท่งเทียน (Candlestick Charts) ดูแนวโน้มของราคาและการเคลื่อนไหวของตลาดในแต่ละช่วงเวลา

-เส้นทางการเคลื่อนไหวเฉลี่ย (Moving Averages) ระบุแนวโน้มของราคาและจุดเข้า-ออกตลาด

-การวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance) ระบุระดับที่ราคามักจะหยุดหรือเปลี่ยนทิศทาง

-แบบจำลองกราฟิก (Chart Patterns) ระบุรูปแบบของแผนภูมิที่อาจสร้างสัญญาณเข้า-ออกตลาด 

-ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators) ใช้ในการวิเคราะห์ตลาด เช่น RSI, Stochastic, MACD และอื่น ๆ

-การวิเคราะห์ปริมาณ (Volume Analysis) ใช้ข้อมูลปริมาณการซื้อขายเพื่อพิจารณาแนวโน้มของตลาด

ข้อดีของกลยุทธ์การวิเคราะห์ทางเทคนิค

-ช่วยในการระบุจุดเข้า-ออกตลาดโดยใช้ข้อมูลทางเทคนิคที่มีรูปแบบชัดเจน

-ช่วยในการกำหนดกฎการซื้อขายที่มีมาตรฐาน จากการใช้ตัวชี้วัดเทคนิคต่าง ๆ สร้างสัญญาณเข้า-ออกในตลาด

ข้อเสียของกลยุทธ์การวิเคราะห์ทางเทคนิค

-การใช้เครื่องมือเทคนิคมีความซับซ้อน ต้องอาศัยความเข้าใจทางทฤษฎีอย่างละเอียด

-แม้ว่าเครื่องมือเทคนิคจะช่วยในการวิเคราะห์ แต่ก็ไม่สามารถทำนายตลาดได้ทุกครั้งเสมอไป

12.Fundamental Analysis Strategies การศึกษาปัจจัยเศรษฐกิจและข่าวสารเพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของตลาด

เป็นวิธีการในการศึกษาและประเมินข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานของตลาดเพื่อทำการวิเคราะห์และตัดสินใจในการลงทุน โดยใช้ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยเศรษฐกิจ, การเงิน, นโยบายของบริษัท และปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อราคาหุ้นหรือตลาดการเงินโดยตรง เช่น

-การวิเคราะห์การเงิน (Financial Analysis) เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลการเงินของบริษัท เช่น รายได้, กำไรสุทธิ, การเงิน, และอัตราผลตอบแทนเพื่อวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของธุรกิจ

-การวิเคราะห์เศรษฐกิจ (Economic Analysis) วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ และปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงิน เช่น อัตราเงินเฟ้อ, การผันผวนในการเงิน, การบริหารเศรษฐกิจและอื่น ๆ

-การวิเคราะห์ตลาดและอุตสาหกรรม (Market and Industry Analysis) ศึกษาสถานะและแนวโน้มของตลาดที่เฉพาะเจาะจงหรืออุตสาหกรรมที่ส่งผลโดยตรงต่อสินทรัพย์ที่ลงทุน

-ข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจัยที่ส่งผล (News Analysis) การติดตามข่าวสาร, กิจกรรม, และเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อตลาดการเงิน เช่น นโยบายการเงินของธนาคารกลาง, เหตุการณ์ทางการเมือง, และเหตุการณ์ทางสังคมที่ส่งผลต่อตลาด

ข้อดีของ Fundamental Analysis Strategies

-ได้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์

-สามารถระบุค่าคาดการณ์และการเปรียบเทียบข้อมูลในเชิงระยะยาว

ข้อเสียของ Fundamental Analysis Strategies

-วิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจและการเงินอาจซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ

-บางครั้งข้อมูลที่เป็นพื้นฐานก็มีความไม่แน่นอนทำให้การวิเคราะห์ยากขึ้น

การซื้อขายอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะสําหรับทุกคน

thailand

Recent Posts

ประกาศเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายประจำเดือนธันวาคมและมกราคม (2025)

เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ตามวันหยุดประจำเดือนธันวาคมและมกราคม โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง: วันที่ 30 ธันวาคม 2024 (วันจันทร์) 31 ธันวาคม 2024 (วันอังคาร) 1 มกราคม 2025…

2 days ago

ส่องมุมมองการลงทุนปี 2025 แนวโน้มสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตา

Goldman Sachs คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2025 จะเติบโต 2.7% โดยสหรัฐฯ เป็นผู้นำการเติบโตที่ 2.5% ขณะที่ยูโรโซนขยายตัวเพียง 0.8% การเลือกตั้งใหม่ของทรัมป์อาจกระตุ้นการขึ้นภาษีและลดการเติบโต แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อที่ลดลงเข้าสู่เป้าหมายของธนาคารกลาง ความเสี่ยงสำคัญคือภาษีศุลกากรแบบครอบคลุมที่จะกระทบการเติบโตทั่วโลกอย่างหนัก…

3 days ago

(อัปเดต)ประกาศเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายประจำเดือนธันวาคม

เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ตามวันหยุดประจำเดือนธันวาคม โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง: วันที่ 24 ธันวาคม 2024 (วันอังคาร) 25 ธันวาคม 2024 (วันพุธ) 26 ธันวาคม 2024…

5 days ago

ประกาศเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายประจำเดือนธันวาคม

เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ โปรดตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงชั่วโมงซื้อขายของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ตามวันหยุดประจำเดือนธันวาคม โปรดดูตารางด้านล่างสำหรับตราสารอนุพันธ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง วันที่ 16 ธันวาคม 2024 (วันจันทร์) 23 ธันวาคม 2024 (วันจันทร์) วันหยุด วันแห่งการปรองดอง คริสต์มาสอีฟ…

2 weeks ago

Announcement on Recent Gold Spread Fluctuations

Dear Valued Clients, The global gold market has experienced significant volatility recently, with market liquidity…

2 weeks ago

(อัปเดต)แจ้งเตือนการโรลโอเวอร์ประจำเดือนธันวาคม

เรียนลูกค้าผู้มีอุปการคุณ ขอเรียนให้ทราบว่าผลิตภัณฑ์ซื้อขาย CFD ต่อไปนี้จะโรลโอเวอร์อัตโนมัติตามวันที่ระบุไว้ในตารางด้านล่างนี้ เนื่องจากอาจมีความแตกต่างของราคาระหว่างสัญญาเก่าและใหม่ จึงขอแนะนำให้ลูกค้าตรวจสอบและจัดการโพสิชันของคุณตามความเหมาะสม วันหมดอายุ: สัญลักษณ์ คำอธิบาย วันที่ JPN225ft Japan 225 Index Future…

3 weeks ago